Tuesday, 25 December 2018

กลับบ้านเรา...รักรออยู่


Photo By : Pung′Noey


อีกไม่กี่วันก็จะเข้าสู่ช่วงเทศกาลปีใหม่ 
เทศกาลที่ใครหลาย ๆ คนได้มีวันหยุดยาว ได้มีเวลาพักผ่อน ท่องเที่ยว 
หรือ เดินทางกลับสู่ภูมิลำเนา กลับสู่บ้านเราที่มีรักรออยู่

หลายคนต้องจากบ้านเกิดเมืองนอน ห่างจากอกพ่อแม่ ห่างจากอ้อมกอดของลูก 
เพื่อมาอดทนขายแรงงาน ขายความคิด ขายเวลาของชีวิตในเมืองอุตสาหกรรม

หลายคนอยากหลีกหนีความจน ดิ้นรนให้พ้นความยากลำบาก
จึงเดินทางมาทำงานแลกเงินในเมืองหลวง เมืองใหญ่

หลายคนยังเป็นนักเรียน นักศึกษา 
ห่างจากบ้านมาเพื่อไขว่คว้าวุฒิ ปริญญา ตามความฝันที่คิดไว้

ไม่ว่าจะด้วยสถานภาพทางสังคมแบบไหน 
ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลหรือสาเหตุใด
จงทิ้งความเหนื่อยล้า
จงทิ้งความเศร้า
จงทิ้ง
ความไม่ดีไว้ที่ปีเก่า
แล้วหอบเอาความสุขที่ยังพอมี
เดินทางกลับไปซบลงที่ตรงตักพ่อแม่
เดินทางกลับไปรับอ้อมกอดจากลูกที่ห่วงใย

ถึงแม้วันนี้ ...
หากใครที่ไม่มีบ้าน ไม่มีใครให้กลับไปหา
โปรดจงใช้เวลาอยู่กับตัวเอง ทบทวนสิ่งที่ผ่านมา
ตั้งรับกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น สร้างความสุขในแบบของเรา
สร้างคำว่าบ้าน คำว่ารัก อย่าจมปรักกับความทุกข์เศร้า
ชีวิตเราที่เกิดมาย่อมมีคุณค่าและความหมายเสมอ


เวลาในชีวิตมันสั้นเกินกว่าที่เราคิด

จงทำทุกวัน เวลา นาที ให้ดีที่สุด

กลับบ้านเรา รักรออยู่

ขอให้ทุกท่านจงมีความสุข ^^

🌟 สวัสดีปีใหม่ ๒๕๖๒ 🌟




Pung′Noey :)





 

Monday, 17 December 2018

คิดบวกไปทำไม?


คิดบวก!! โลกสวย!! หลอกตัวเอง!! มองโลกในแง่ดี!!
อะไรคือคำจำกัดความ หรือ นิยาม สำหรับความคิดของคุณ?



     มนุษย์ล้วนมีความคิดที่ย้อนแย้งกันอยู่ตลอดเวลา วันนี้คิดดี พรุ่งนี้อาจจะคิดลบ เพราะว่า "ความคิด" มันเปลี่ยนแปลงตามสถานการณ์ที่เราพบเจอในแต่ละวัน ในหนึ่งวันที่เราใช้ชีวิตจะคิดแง่ร้ายก็ได้ จะคิดแง่ดีก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเรารู้เท่าทันความคิดและอารมณ์ของตนเองหรือไม่

ขอบคุณรูปภาพจาก www.canva.com

หากคุณยังไม่รู้ว่าจะคิดบวกไปทำไม? โปรดรู้ไว้ว่า ...
  • ความคิดเป็นของคุณ
คุณเป็นเจ้าของความคิด ไม่มีใครสามารถมาบังคับให้คุณคิดได้ คุณมีสิทธิ์ตัดสินใจได้ว่าอยากเป็นคนที่มีระบบความคิดแบบไหน หากคุณเชื่อในกฎแห่งแรงดึงดูด คุณจะพอทราบว่า คิดเช่นไร มักได้เช่นนั้น เพราะความคิดส่งผลต่อพฤติกรรมเช่นกัน
  • ความคิดเป็นของฟรี
แน่นอนว่าความคิดเป็นสิ่งที่คุณสามารถสร้างขึ้นเองได้โดยไม่ต้องเสียเงิน ไม่ต้องลงทุน ดังนั้น คุณเลือกได้ว่าอยากได้ความคิดฟรีที่ดีและเหมาะสม หรือ อยากได้ความคิดฟรีที่บั่นทอนชีวิตและจิตใจ

  • ความคิดเป็นของดี
ความคิดดีเปรียบดั่งอัญมณี เปรียบดั่งเพชรที่กว่าจะงดงามต้องผ่านการเจียระไน เช่นเดียวกับความคิดดีไม่ได้เกิดขึ้นง่าย ๆ ต้องผ่านกระบวนการฝึกฝน เรียนรู้ วิเคราะห์ ตกผลึก จนเกิดเป็นความเข้าใจ ความเคยชิน เป็นสมบัติของดีที่จะอยู่ติดตัวเราไปตลอดชีวิต


     คนที่รู้จักคิดบวก ไม่ใช่คนโลกสวย ไม่ใช่คนที่หลอกตัวเอง ไม่ใช่การมองโลกในแง่ดี แต่ คือคนที่มีวิธีการคิดและพร้อมปรับเปลี่ยนพฤติกรรมให้ใช้ชีวิตอยู่บนโลกได้อย่างมีความสุข เข้าใจเหตุและผลของสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น จัดการปัญหาที่พบเจอได้โดยไม่ใช่แค่พร่ำบอกตัวเองว่าไม่เป็นไร ฉันทนได้ ฉันต้องอดทน ซึ่งมองโลกแบบเข้าใจสัจธรรมว่าทุกชีวิตย่อมมีสุข มีทุกข์ ด้วยกันทั้งสิ้น


🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶🔶


อย่าปล่อยให้ความคิดไหลผ่านเหมือนดั่งสายน้ำ
แต่จงสร้างอ่างเก็บน้ำเพื่อเก็บกักความคิด
แล้วนำสิ่งที่คิดมาก่อให้เกิดประโยชน์
เพื่อตนเองและผู้อื่น

Pung′Noey :)








Monday, 10 December 2018

เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อชีวิตที่เพียงพอ


    หลาย ๆ คนอาจเคยได้ยิน ได้เห็น ได้เรียนรู้ คำว่า "เศรษฐกิจพอเพียง" กันมาบ้าง แต่น้อยคนนักที่จะหยิบยกพระราชดำริของ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ ซึ่งพระราชทานแนวความคิดมาปรับใช้ในการดำเนินชีวิตประจำวัน 


 "เศรษฐกิจพอเพียง" ไม่ได้มุ่งเน้นให้ประชาชนทุกคนหันไปทำการเกษตรแต่เพียงอย่างเดียว แต่ เศรษฐกิจพอเพียงเป็นปรัชญาที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้ในการทำงาน การทำธุรกิจ การวางแผน การดำเนินชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี ยิ่งในยุคปัจจุบันที่มีเทคโนโลยีเข้ามาทำให้การใช้ชีวิตสะดวกสบาย มีค่าความนิยมต่อวัตถุสูงกว่าค่าแรงและเงินในกระเป๋า มีระบบสื่อสารที่รวดเร็วทันสมัย แต่สวนทางกับสภาพการเมืองและสภาวะเศรษฐกิจที่กำลังถดถอย สิ่งแวดล้อมที่กำลังเสื่อมโทรม การพึ่งพาตนเองเริ่มน้อยลง



Photo By : Pung′Noey

     เศรษฐกิจพอเพียง เป็นปรัชญาของรัชกาลที่ ๙ ทรงชี้แนะแนวทางให้แก่ประชาชนทุกคน ให้ดำรงตนอยู่บนพื้นฐานทางสายกลาง ความไม่ประมาท คำนึงถึงความพอประมาณ และสร้างภูมิคุ้มกันในตนเอง เพื่อให้สามารถดำรงชีวิตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน

   เศรษฐกิจพอเพียง ประกอบด้วย

๑. ความพอประมาณ คือ ความพอดีที่ไม่น้อยเกินไปและไม่มากเกินไป โดยไม่เบียดเบียนตนเองและผู้อื่น เช่น การผลิตและการบริโภคที่อยู่ในระดับพอประมาณ

๒. ความมีเหตุผล คือ การตัดสินใจเกี่ยวกับระดับความพอเพียง จะต้องเป็นไปอย่างมีเหตุผล โดยพิจารณาจากเหตุปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนคำนึงถึงผลที่คาดว่าจะเกิดขึ้นจากการกระทำนั้น ๆ อย่างรอบคอบ

๓. ภูมิคุ้มกัน คือ การเตรียมตัวให้พร้อมรับผลกระทบและการเปลี่ยนแปลงด้านต่าง ๆ ที่เกิดจะขึ้น  โดยคำนึงถึงความเป็นไปได้ของสถานการณ์ต่าง ๆ ที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในอนาคต

   โดยมี เงื่อนไข ๒ ประการ ดังนี้

๑. เงื่อนไขความรู้ ประกอบด้วยความรอบรู้ เกี่ยวกับวิชาการต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องรอบด้าน ความรอบคอบที่จะนำความรู้เหล่านั้นมาพิจารณาให้เชื่อมโยงกัน เพื่อประกอบการวางแผนและความระมัดระวังในการปฎิบัติ

๒. เงื่อนไขคุณธรรม ที่จะต้องเสริมสร้างประกอบด้วย มีความตระหนักในคุณธรรม มีความซื่อสัตย์สุจริตและมีความอดทน มีความเพียร ใช้สติปัญญาในการดำเนินชีวิต

      หนึ่งในพระบรมราโชวาท ที่กล่าวไว้เมื่อวันที่ ๔ ธันวาคม ๒๕๑๗

"คนอื่นจะว่าอย่างไรก็ช่างเขา จะว่าเมืองไทยล้าสมัย ว่าเมืองไทยเชย ว่าเมืองไทยไม่มีสิ่งที่ทันสมัย แต่เราอยู่พอมีพอกิน และขอให้ทุกคนมีความปรารถนา ที่จะให้เมืองไทยพออยู่พอกิน มีความสงบและทำงานตั้งจิตอธิษฐานตั้งปณิธาน ในทางนี้ที่จะให้เมืองไทย อยู่แบบพออยู่พอกิน ไม่ใช่ว่าจะรุ่งเรืองอย่างยอด แต่มีความพออยู่พอกิน มีความสงบ เปรียบเทียบกับประเทศอื่น ๆ ถ้าเรารักษาความพออยู่พอกินนี้ได้ เราก็จะยอดยิ่งยวดได้"



     จากแนวพระราชดำริ และ พระบรมราโชวาทนี้ จะเห็นได้ว่าพระองค์ท่าน ทรงเน้นให้ประชาชนพอมีพอกิน ให้ดำเนินชีวิตด้วยความเพียร ความอดทน มีสติ ปัญญา และความรอบคอบ เพื่อพร้อมรองรับการเปลี่ยนแปลงทางด้านวัตถุ สังคม และวัฒนธรรมโลกภายนอก ซึ่งจะนำไปสู่ "ความสุข" ในการดำเนินชีวิตที่แท้จริง


ขอขอบคุณข้อมูลจาก

มูลนิธิชัยพัฒนา (เศรษฐกิจพอเพียง)




ความเจริญที่แท้จริง คือ ความเจริญทางจิตใจ

ความพอเพียงที่แท้จริง คือ ความเพียงพอที่พอใจ

เศรษฐกิจพอเพียง เพื่อชีวิตที่เพียงพอ


Pung′Noey :)



Thursday, 6 December 2018

3 ข้อ ที่ควรสร้างเพื่อให้พนักงานรักองค์กร



     ถึงแม้ในยุคปัจจุบัน หลาย ๆ บริษัทจะหันไปพึ่งพาเทคโนโลยี เครื่องมือ เครื่องจักร รวมทั้ง Digital Marketing กันซะส่วนใหญ่ แต่ในบางตำแหน่งงาน บางสาขาอาชีพ ก็ยังจำเป็นที่ต้องใช้ ทรัพยากรบุคคล ในการขับเคลื่อนธุรกิจให้เจริญเติบโต
     

     ดังนั้น จึงไม่อาจปฏิเสธได้ว่า ทรัพยากรบุคคล ยังคงมีความจำเป็นในการดำเนินงานขององค์กร การพัฒนาบุคลากร รวมกระทั่งการสร้างแรงจูงใจในการทำงาน จึงเป็นส่ิงที่ผู้บริหารยังคงต้องให้ความสำคัญไม่แพ้ผลกำไรขาดทุน


ขอบคุณรูปภาพจาก www.canva.com

     การสร้างแรงจูงใจในการทำงาน เปรียบดั่งศิลปะรูปแบบหนึ่ง ที่ผู้บริหารหรือหัวหน้างานต้องสร้างสรรค์ พัฒนา บุคลากรให้เป็นไปตามวัฒนธรรมและนโยบายขององค์กร นอกเหนือจากผลตอบแทน สวัสดิการต่าง ๆ แล้ว สิ่งที่ผู้บริหารหรือหัวหน้างานควรเรียนรู้ ใส่ใจ คือ

1. การสร้างความชัดเจนในการปฏิบัติงาน 

     คำสั่ง หรือ รายละเอียด ตำแหน่ง หน้าที่ ความรับผิดชอบ ควรมีขอบเขตระบุอย่างชัดเจน เนื่องจากพนักงานจะได้รับทราบข้อปฏิบัติอย่างถูกต้อง โดยเฉพาะการมอบหมายงานให้เหมาะสมกับบุคคลที่มีคุณสมบัติและความสามารถ จะส่งผลให้พนักงานสามารถทำงานได้ตามแผนและเป้าหมายที่ตั้งไว้ ซึ่งบริษัทเองสามารถประเมินผลการทำงานของพนักงานได้อย่างมีระบบ

2. การสร้างความภักดีต่อองค์กร

     หากบริษัทคำนึงถึงแต่ความภักดีของลูกค้าที่มีต่อตราสินค้า หรือตราบริษัท โดยไม่ได้คำนึงถึงบุคลากรภายในที่จำเป็นต้องสร้างให้บุคลากรมีความรู้สึกดีต่องานที่ทำ ต่อองค์กรที่อยู่ บริษัทก็จะประสบปัญหาการปรับเปลี่ยน โยกย้าย ลาออกของพนักงานอยู่เสมอ แม้การโยกย้าย ลาออก จะเป็นเรื่องปกติที่จะต้องเจอทุกบริษัท แต่บางครั้งบริษัทอาจสูญเสียทรัพยากรบุคคลที่สำคัญต่อการบริหารงาน รวมทั้งเสียเวลาในการสรรหา เสียเวลาเรียนรู้ระบบการทำงานของบุคลากรใหม่ ซึ่งการสร้างความภักดี สามารถทำได้ง่าย ๆ  อย่างเช่น 

  • การสร้างสภาพแวดล้อมที่ดีในการทำงาน
  • การสร้างโอกาส ความก้าวหน้าให้แก่พนักงาน
  • การทำกิจกรรมกระชับความสัมพันธ์ของบริษัท
  • การทำให้พนักงานรู้สึกเป็นส่วนหนึ่งของบริษัท
  • การให้เกียรติ เคารพ ในการทำงานของพนักงาน
  • การเปิดใจรับฟังปัญหา การช่วยแก้ไขปัญหา การช่วยเหลือ เป็นที่ปรึกษาของพนักงาน
  • ผู้บริหารหรือหัวหน้างานมีภาวะความเป็นผู้นำอย่างมีคุณภาพ มีความยุติธรรม


3. การสร้างแรงจูงใจด้วยใจ

     "จ้างด้วยใจ ก็ได้ใจ ... จ้างด้วยเงิน ก็ได้งาน" นี่คือ คำกล่าวส่วนนึงของพนักงาน ที่แสดงให้เห็นว่า หากบริษัทพร้อมจะบริหารทรัพยากรบุคคลด้วยใจ บุคลากรก็พร้อมจะให้ใจคืนกลับสู่บริษัท อาจจะเป็นในรูปแบบของการตั้งใจปฏิบัติงาน การสร้างสรรค์ผลงาน การแก้ปัญหาการทำงาน การแสดงความซื่อสัตย์ การพัฒนาตนเอง ซึ่งความสำเร็จของบริษัทเปรียบดั่งความสำเร็จของพนักงานเช่นกัน


❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤

พนักงานต้องตระหนักถึงหน้าที่ความรับผิดชอบเป็นสำคัญ

บริษัทก็จะตระหนักถึงความสำคัญของพนักงานเช่นเดียวกัน


Pung′Noey :)

Tuesday, 4 December 2018

เรื่อง พ่อของฉัน (My Dad on My Mind)





พ่อของฉัน คือ ผู้ชายธรรมดาที่สามารถดูแลรักษาให้ฉันปลอดภัย

พ่อของฉัน คือ ผู้ชายธรรมดาที่สามารถทำให้ฉันเป็นคนพิเศษได้
พ่อของฉัน คือ ผู้ชายธรรมดาที่สามารถเปลี่ยนน้ำตาเป็นรอยยิ้มได้
พ่อของฉัน คือ ผู้ชายธรรมดาที่สามารถสร้างฉันมาให้เป็นคนที่ดีได้
พ่อของฉัน คือ ผู้ชายธรรมดาที่สามารถทำม้าก้านกล้วยให้ฉันเล่นได้
พ่อของฉัน คือ ผู้ชายธรรมดาที่สามารถทำว่าวให้วิ่งเล่นช่วงหน้าหนาวได้
พ่อของฉัน คือ ผู้ชายธรรมดาที่สามารถหาเงินมาดูแลทุกคนในครอบครัวได้


พ่อของฉัน ชอบกินแต่ผัก แล้วแบ่งเนื้อสัตว์ไว้ให้ฉันกิน
พ่อของฉัน ชอบแกะก้างปลา แล้วเอาเนื้อปลามาให้ฉันกิน
พ่อของฉัน ชอบปอกเปลือกผลไม้ แล้วเอาใส่จานไว้ให้ฉันกิน
พ่อของฉัน ชอบกินแตงโม โดยเฉพาะแตงโมที่ฉันกินเหลือไว้ในตู้เย็น
พ่อของฉัน ชอบพูดว่าไม่เหนื่อย แม้เหงื่อบนหน้าไหลออกมาสวนทางกับคำพูด
พ่อของฉัน ชอบพูดว่าไม่เจ็บ แม้นิ้วที่ดามเหล็กไว้ยังพันแผลและบวมอยู่
พ่อของฉัน ชอบถามฉันว่า เรียนเป็นไงบ้าง เหนื่อยมากไหมลูก
พ่อของฉัน ชอบพูดเสมอว่า ตั้งใจทำงาน อดทนเอานะลูก
พ่อของฉัน ชอบบอกทุกครั้ง เกิดมาเป็นคนต้องสู้นะลูก
พ่อของฉัน ชอบสอนบ่อย ๆ ว่าต้องรู้จักเก็บหอมรอมริบ ใช้ชีวิตอย่าประมาท
พ่อของฉัน ชอบส่งไลน์มาพร้อมข้อความว่า สวัสดีวันจันทร์ อังคาร พุธ พฤหัส ศุกร์ เสาร์ อาทิตย์

พ่อของฉันไม่ใช่คนรวย แต่ทุกสิ่งที่พ่อมอบให้ มันมีค่ามากกว่าเงินทอง

คำสอนของพ่อ คือ สมบัติที่ล้ำค่ามากกว่าสิ่งใด
คำอวยพรจากพ่อ คือ กำลังใจที่เติมได้ไม่มีหมด
ความรักจากพ่อ คือ เกราะคุ้มภัยที่ดีที่สุดในโลก

รักพ่อ ... จากลูก

Pung′Noey :)

Monday, 3 December 2018

[เกร็ดความรู้] ว่างงาน ถูกเลิกจ้าง มีสิทธิได้รับเงินชดเชย



ขอบคุณรูปภาพจาก www.canva.com


      ในยุคสภาวะเศรษฐกิจไม่ดี ค่าครองชีพสูง กำลังการใช้จ่ายเข้าสู่สภาวะถดถอย ทำให้หลาย ๆ บริษัท ต้องปรับโครงสร้างการบริหาร ปรับลดจำนวนพนักงาน ลดค่าใช้จ่ายเพื่อความอยู่รอดขององค์กร ซึ่งสำหรับชาวมนุษย์เงินเดือนแล้ว สิ่งที่ไม่อยากพบเจอนั่นก็คือ การตกงาน ว่างงาน แบบกะทันหัน

     หากคุณต้องพบเจอเหตุการณ์เช่นนี้ นอกจากการตั้งสติรับมือแล้ว คุณยังต้องรู้จักรักษาสิทธิของตนเอง ดังนั้นบทความนี้จะพาคุณไปพบเกร็ดความรู้ขั้นพื้นฐาน เพื่อรับสิทธิว่างงานจาก สำนักงานประกันสังคม


    ขั้นตอนที่ 1 ตรวจสอบสิทธิประกันสังคม


          สำหรับผู้ที่จะมีสิทธิได้รับค่าชดเชยกรณีว่างงานจากประกันสังคม ต้องเป็นผู้ประกันตนที่จ่ายเงินสมทบมาแล้ว 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือน ก่อนการว่างกับกับนายจ้างรายสุดท้าย ซึ่งมีระยะเวลาการว่างงานตั้งแต่ 8 วันขึ้นไป

     สิทธิที่จะได้รับในระหว่างการว่างงาน
  • กรณีลาออกหรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง
จะได้รับเงินทดแทนปีละไม่เกิน 90 วัน ในอัตราร้อยละ 30 ของค่าจ้าง โดยคำนวณจากฐานเงินสมทบขั้นต่ำเดือนละ 1,650 บาท และฐานเงินสมทบสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท เช่น ถ้าคุณมีเงินเดือนเฉลี่ย เดือนละ 10,000 บาท คุณจะได้รับค่าชดเชยเดือนละ 3,000 บาท
  • กรณีถูกเลิกจ้าง
จะได้รับเงินทดแทนปีละไม่เกิน 180 วัน ในอัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้าง โดยคำนวณจากฐานเงินสมทบขั้นต่ำเดือนละ 1,650 บาท และฐานเงินสมทบสูงสุดไม่เกิน 15,000 บาท เช่น ถ้าคุณมีเงินเดือนเฉลี่ยเดือนละ 10,000 บาท คุณจะได้รับค่าชดเชยเดือนละ 5,000 บาท

     โดยผู้ที่ว่างงานต้องไม่ถูกเลิกจ้างด้วยสาเหตุ ดังต่อไปนี้
  • ทุจริตต่อหน้าที่กระทำผิดอาญาโดยเจตนาแก่นายจ้าง
  • จงใจทำให้นายจ้างได้รับความเสียหาย
  • ฝ่าฝืนข้อบังคับ หรือ ระเบียบเกี่ยวกับการทำงาน หรือคำสั่งอันชอบด้วยกฎหมายในกรณีร้ายแรง
  • ละทิ้งหน้าที่เป็นเวลา 7 วันทำงานติดต่อกัน โดยไม่มีเหตุอันควร
  • ประมาทเลินเล่อเป็นเหตุให้นายจ้างได้รับความเสียหายอย่างร้ายแรง
  • ได้รับโทษจำคุกตามคำพิพากษา
  • ต้องมิใช่ผู้มีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีชราภาพ

     ขั้นตอนที่ 2 ขึ้นทะเบียนและรายงานตัวกับ กรมการจัดหางาน
        
          หากคุณตรวจสอบแล้วว่าคุณมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน ขั้นตอนต่อมาคือการขึ้นทะเบียนและรายงานตัวกับ สำนักงานจัดหางานของรัฐ ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ลาออกหรือถูกเลิกจ้าง หรือสิ้นสุดสัญญาจ้าง สามารถขึ้นทะเบียนผู้ว่างงานผ่านระบบอินเทอร์เน็ตได้ที่เว็บไซต์ https://empui.doe.go.th จากนั้นระบบจะออกเอกสารหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนกรณีว่างงาน เพื่อใช้เป็นหลักฐานยืนยันในการขึ้นทะเบียนรับสิทธิว่างงานของสำนักงานประกันสังคม โดยผู้ว่างงานต้องรายงานตัวตามกำหนดนัดผ่านระบบอินเทอร์เน็ตของสำนักงานจัดหางาน ไม่น้อยกว่าเดือนละ 1 ครั้ง 


     ขั้นตอนที่ 3 ขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนกรณีว่างงานกับ สำนักงานประกันสังคม

          หลักฐานที่ต้องใช้เพื่อขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน มีดังนี้

  1. แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงาน (สปส. 2-01/7)
  2. หนังสือหรือคำสั่งของนายจ้างให้ออกจากงาน (ถ้ามี)
  3. หนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนกรณีว่างงานของกรมการจัดหางาน
  4. สำเนาสมุดบัญชีเงินฝากประเภทออมทรัพย์หน้าแรกซึ่งมีชื่อและเลขที่บัญชี ผ่าน 11 ธนาคาร ดังนี้
          1.) ธนาคารออมสิน
          2.) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย
          3.) ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)
          4.) ธนคารธนชาต จำกัด (มหาชน)
          5.) ธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน)
          6.) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน)
          7.) ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน)
          8.) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน)
          9.) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด (มหาชน)
          10.) ธนคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน)
          11.) ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน)


     สถานที่ยื่นเรื่อง : สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ / สำนักงานประกันสังคมจังหวัดและสาขาทั่วประเทศ 
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทรสายด่วน 1694 ในวันและเวลาราชการ 08.30-16.30 น.

     

ขอบคุณข้อมูลจาก

สำนักงานประกันสังคม
กรมการจัดหางาน




"อย่าปล่อยให้ตกงานแล้วค่อยเปลี่ยนแปลง 

จงสร้างการเปลี่ยนแปลงก่อนเริ่มว่างงาน"


Pung′Noey :)