Tuesday, 5 May 2020

เรื่องเล่าจากเฟรนด์ชิพ (Friendship Stories)


      ในขณะที่ฉันกำลังงุ่นง่านกับการค้นหาเอกสารในตู้เก็บของใบเก่า มันเป็นตู้ไม้ที่อยู่กับครอบครัวของเรามาเกิน 10 ปีแล้ว นอกจากจะใช้เป็นตู้เก็บเอกสาร เก็บของใช้ต่าง ๆ แล้ว มันยังเป็นตู้ที่เก็บความทรงจำของฉันเอาไว้ด้วย


       หนึ่งในความทรงจำของฉัน ถูกรื้อค้นขึ้นมาอีกครั้ง เมื่อยามที่สายตาไปสะดุดกับสมุด Friendship สมุดสุดฮิตที่ต้องมีในวัยมัธยม ฉันละจากการค้นหาเอกสารโดยพลัน แล้วหยิบสมุดเล่มนั้นมานั่งเปิดอ่านในห้องนั่งเล่น สภาพสมุดยังดูสมบูรณ์  ซึ่งก็มีเพียงสีปกที่ดูซีดจางลงไปบ้างตามกาลเวลา


Photo By : Pung'Noey


        เมื่อเปิดหน้าแรกของ Friendship ก็จะได้พบกับประวัติชีวิตส่วนตัวของฉัน ซึ่งในตอนนั้นก็คิดว่าข้อมูลที่เขียนนั้นดีมากแล้ว อีกทั้งลายมือที่เขียนก็ดูไม่ค่อยบรรจงสวยงามสักเท่าไร ถ้าให้บรรยายคงต้องใช้คำว่า เขียนแบบภาษาวัยรุ่นในยุคนั้น

     เมื่อเปิดหน้าถัดไปจะได้พบกับรูปถ่ายจากกล้องฟิล์ม ที่อัดล้างออกมาติดในสมุดเป็นรูปถ่ายหมู่คณะที่ประกอบไปด้วยอาจารย์ประจำชั้นพร้อมทั้งเพื่อน ๆ อีกหลายสิบคน ซึ่งในสมุดเล่มนี้นั้นเขียนระบุไว้ว่าเป็นภาพถ่าย เดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ.2549 จากวันนั้นจนถึงวันนี้วันที่ฉันกำลังเขียนบทความเรื่องนี้อยู่ มันผ่านมาแล้วเป็นเวลากว่า 14 ปี ซึ่งฉันในตอนนั้นกับฉันในตอนนี้ หน้าตาไม่ได้ดูเปลี่ยนไปสักเท่าไร แต่สิ่งที่เปลี่ยนไปอย่างมากมาย คือ น้ำหนักตัวที่มากขึ้นตามอายุ

         ฉันนั่งไล่เรียงดูหน้าเพื่อน ๆ แต่ละคนด้วยความคิดถึง และบุคคลที่ฉันยังคงระลึกนึกถึงอยู่เสมอ คือ อาจารย์ประจำชั้น นามของท่านคือ อาจารย์ วนิดา ท่านเป็นอาจารย์ที่น่ารัก ใจดีกับฉันมาตลอด คอยประสิทธิ์ประสาทวิชา  คอยผลักดันฉันอยู่เรื่อยมา ในวันนี้ฉันหวังว่าอาจารย์จะยังคงมีสุขภาพที่ดี และมีความสุขสมบูรณ์

        เมื่อไล่เปิดสมุดดูถัดไปเรื่อย ๆ จะได้พบกับรูปถ่ายจากกล้องฟิล์มอีกเช่นเคย เป็นรูปถ่ายที่มีจำนวนไม่มากเพราะค่าอัด ค่าล้างในสมัยนั้นก็หลายสิบบาทอยู่ รูปเหล่านั้นเป็นรูปถ่ายกับกลุ่มเพื่อนสนิทที่ฉันรักมากที่สุดอีกส่วนหนึ่งของชีวิต เป็นรูปถ่ายตอนที่ฉันได้ไปทัศนศึกษาที่ต่างจังหวัด มันทำให้ฉันนึกขึ้นได้ว่าเมื่อก่อนฉันมีความสุขมากแค่ไหน นั่งดูไป ยิ้มไป เพลินตาดี

        และอีกสิ่งหนึ่งในสมัยวัยมัธยมที่นิยมทำกัน คือ การแลกรูปกันเพื่อนำมาติดในสมุด Friendship พร้อมเขียนชื่อ – นามสกุล ของเพื่อน ๆ แต่ละคนไว้อย่างดี มาคิดดูอีกทีก็ดีเหมือนกัน จะได้ไม่ลืมชื่อ ลืมหน้ากันไป

       ส่วนต่อไปที่สำคัญไม่แพ้กันของสมุด Friendship เล่มนี้ คือ การบรรยายความในใจของเพื่อน ๆ ที่มีต่อฉัน บางคนเขียนสั้นบ้าง บางคนเขียนยาวบ้าง แตกต่างกันไปตามความสนิท บางคนก็เลือกเขียนหน้าตามสีของสมุดที่ชอบ ซึ่งก็จะทำให้หน้าสมุดเว้นวรรคขาดตอนเป็นเรื่องธรรมดา
Photo By : Pung'Noey

       แต่เนื้อหาในสมุดที่มันสะดุดความรู้สึกของฉัน คือ การเขียนบรรยายความรู้สึกของเพื่อนสนิท ที่ตอนนั้นเราไม่ได้สนิทกันแล้ว นี่คือ อีกหนึ่งความทรงจำที่เจ็บปวดของชีวิต เพราะ ฉันคือคนที่ถอยออกห่างความสัมพันธ์ คำว่า
เพื่อนสนิท ฉันจำได้ดีว่ามีเหตุผลอะไรที่ทำให้ฉันต้องตัดสินใจแบบนั้น แต่ฉันไม่เคยเอื้อนเอ่ยบอกเหตุผลที่แท้จริงกับเพื่อน ๆ เลยสักนิด

       ฉันมีเพื่อนสนิทอยู่ 3 คน เราเรียนด้วยกันมาตั้งแต่อนุบาล 1  เมื่อเทอมที่สองของชั้น ม.3 มันมีเหตุการณ์จากความประพฤติที่ไม่ดีของฉัน ฉันกลัวว่าจะทำให้เพื่อน ๆ ต้องเดือดร้อน หรือ อึดอัดใจในการที่มีฉันอยู่ในกลุ่ม ฉันจึงตัดสินใจเดินออกจากความสัมพันธ์อันดี และใช้ชีวิตตัวคนเดียวในเทอมสุดท้ายของภาคเรียนนั้น ฉันเสียใจที่สุดและฉันยังจำได้ดีว่าฉันมีเพื่อนสนิทที่ฉันรักและเธอทุกคนก็น่ารักกับฉันมาก

       ฉันกล้าที่จะพาตัวเองออกจากกลุ่ม แต่ฉันไม่กล้าที่จะบอกถึงเหตุผลจริง ๆ ว่าทำไมฉันถึงทำอย่างนั้น และความขี้ขลาดยังรวมไปถึงการที่ฉันไม่กล้าที่จะเอ่ย คำว่า ขอโทษฉันภาวนาว่าสักวันเธอเหล่านั้นคงได้รับรู้จากการเปิดอ่านบทความนี้

      14 ปีผ่านมาแล้ว มันคงไม่สามารถทำให้เรากลับมาสนิทกันได้อีกครั้ง ซึ่งก็ถือว่าเป็นบทเรียนสำคัญของชีวิต มันเป็นทั้งความทรงจำที่ดีและเจ็บปวด ฉันคิดว่าชีวิตก็เหมือนละครที่ย่อมมีตอนอวสาร มันอาจไม่สมบูรณ์แบบ มันอาจไม่ Happy Ending แต่ฉันยังคงยิ้มได้ทุกครั้งที่นึกถึง มันยังคงมีความทรงจำอื่น ๆ จากเพื่อน ๆ อีกหลายคน มีเหตุการณ์ที่น่ารัก ทรหด กลั่นแกล้งกันบ้างตามประสาเด็กน้อย ทุกอย่างที่เกิดขึ้นล้วนมีคุณค่าในชีวิตทั้งสิ้น


ขอบคุณสมุด Friendship ที่ทำให้เรายังจำ Friend และความ Ship หายของตัวเองได้ทุกตอน

ภาพสีจาง ความทรงจำเลือนลาง แต่ ความรู้สึกยังชัดเจน .... Friendship

Pung'Noey :)






No comments:

Post a Comment