ก่อนอื่นต้องขออนุญาตเขียนบทความนี้แบบกันเอ๊ง
กันเองหน่อยนะคะ เพราะไม่อยากให้อ่านแบบเครียด ๆ กัน เนื่องจากเป็นการรีวิวความคิดที่ค่อนข้างส่วนตัวมาก
ๆ ซึ่งอาจไม่ค่อยตรงใจ หรือ ให้ความรู้ได้มากมายนัก
หลาย ๆ ท่านคงได้ยินชื่อ ไวรัสโคโรน่า (Coronavirus) ซึ่งเป็นไวรัสสายพันธุ์ใหม่
และตั้งชื่อโดยองค์การอนามัยโลกว่า
2019-nCoV หรือ 2019 novel Coronavirus และต่อมาได้เปลี่ยนชื่อเป็น "COVID-19" จนถึงปัจจุบัน ที่กำลังระบาดไปทั่วโลกในขณะนี้แล้ว
และคงได้เห็นข่าวคราวยอดผู้ป่วย ผู้เสียชีวิต ที่เพิ่มมากขึ้นทุกวันจากทั่วทุกมุมโลก
ความร้ายกาจของเชื้อไวรัสนี้ ที่ยังไม่รู้ต้นตอที่มาอย่างแน่ชัด
รวมทั้งยังไม่มียารักษา หรือ วัคซีนป้องกัน ซึ่งเป็นที่น่าวิตกกังวัลสำหรับใครหลาย
ๆ คนอยู่ในตอนนี้ อาจก่อให้เกิดความเครียด โรคแพนิค (Panic Disoder) กับเราได้
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEi8i8VYsfSsXlVOjR2rbG_de-tJNTSW4TF4Rbldj_b6GKiMFsmNEaA-2JoeFBtO5c75GL5q6FU_ZxWEhJrI3I08ldv0bwOf7FOIvwm3i8afrnd48vWT1l-htnZrBMcYZF43fPOOoGk82kY/s400/Kata-Kata+Manis.png) |
Photo By : Pung'Noey |
และจากสถานการณ์นี้เอง จึงมีหลาย ๆ
บริษัท เปิดโครงการประกันคุ้มครองความเสี่ยงอันเกิดจากสาเหตุการติดเชื้อไวรัสโคโรน่า
(Covid-19) เพื่อช่วยแบ่งเบาภาระค่ารักษาพยาบาลในกรณีที่เราได้รับเชื้อดังกล่าว
ซึ่งส่วนตัวเราได้ทำการศึกษาเงื่อนไข เบี้ยประกัน ความคุ้มครอง จากหลาย ๆ บริษัท
เพื่อเลือกให้ตรงกับบริบทของชีวิตมากที่สุด (ต้องขอออกตัวก่อนว่า
เป็นคนที่ไม่มีความรู้เรื่องประกันอะไร ใด ๆ ทั้งสิ้น และไม่ค่อยสนใจเรื่องประกันต่าง
ๆ สักเท่าไร) โดยจะขอแชร์ความคิดแบ่งเป็น 5 ข้อดังนี้
1. เลือกซื้อกรมธรรม์แบบ
ตรวจเจอเชื้อไวรัสโคโรน่า (Covid-19) รับเงินก้อนทันที เนื่องจากได้คิดมาแล้วว่าชีวิตคงได้ร้อนเงิน
555555+ เพราะตัวเราได้ทำงานประจำอยู่กับบริษัทเอกชน
หากได้รับเชื้อจริง ๆ คงได้กักตัวอยู่บ้านหรือโรงพยาบาล มีสิทธิประกันสังคมในการรักษาตัว
แต่อาจขาดรายได้จากการหยุดงาน มันส่งผลกระทบต่อหนี้สินประจำเดือนที่ยังมีอยู่เยอะ ดังนั้นการเลือกกรมธรรม์แบบรับเงินก้อนอาจเอามาใช้จ่าย
พยุงความเดือดร้อน ไปได้ชั่วขณะนึง
2. ข้อตกลงและความคุ้มครองที่เลือก จะเป็นแบบตรวจเจอเชื้อไวรัสโคโรน่า
(Covid-19) รับเงินก้อน
พร้อมได้รับเงินชดเชยระหว่างรักษาตัวเป็นผู้ป่วยใน ในโรงพยาบาล (สูงสุด 14 วัน)
และ ได้รับผลประโยชน์การเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุ (อ.บ.1) โดยมีระยะเวลารอคอย 14
วัน หลังจากชำระเงิน ซึ่งตรงนี้อยากบอกว่าเราพลาดนิดนึงคือ ไม่ค่อยได้ติดตามข่าวสารว่ามีการขายประกันดังกล่าว
กว่าจะรู้เรื่องหลายบริษัทก็ปิดโครงการ หรือ เปลี่ยนเงื่อนไขการรับประกันไปแล้ว
ซึ่งก็พยายามตามหาประกันที่คุ้มครองทันที แต่ ณ ตอนนี้หาไม่ได้แล้วจ้า อยากบอกว่านี่คือตัวอย่างที่ไม่ดีในการไม่ติดตามข่าวสาร อย่าเลียนแบบนะคะ (เสียใจ 😂)
3. บางคนอาจคิดว่าทำไมไม่ซื้อประกันสุขภาพที่ครอบคลุมทุกโรค
ทำไมต้องซื้อประกันเฉพาะอย่างแบบนี้ล่ะ ถ้าไม่ตายด้วยโรคนี้ อาจตายด้วยโรคอื่นก็ได้
ซึ่งขอบอกว่า มันเป็นความคิดส่วนตัวของแต่ละคนไม่ขอก้าวก่ายแต่อย่างใด แต่ส่วนตัวเราที่ตัดสินใจซื้อประกันแบบนี้ก็เพราะ
เหตุผลตามข้อ 1 เลยค่ะ ร้อนเงินค่ะ อยากได้เงินก้อน ...แฮร่!! ไม่ใช่!! 5555555+
ถ้าเอาแบบสาระหน่อยเรามองว่า มันเป็นเรื่องของการวางแผนชีวิตของแต่ละคนที่แตกต่างกันตามแนวคิดและบริบทของชีวิต
บางคนไม่มีกำลังทรัพย์มากพอจะซื้อประกันดี ๆ
สักตัว แต่สำหรับประกันตัวนี้ราคาไม่กี่ร้อยบาท ยังพอเอื้อมได้ บางคนอาจใช้ชีวิตสุ่มเสี่ยงกับการติดเชื้อตัวนี้
ก็อยากทำไว้เพื่อความอุ่นใจ บางคนอยากได้เงินก้อนมาเป็นทุนใช้จ่ายตอนรักษาตัว
บางคนอยากได้ค่ารักษาพยาบาล เพราะเกรงว่าหากมีผู้ป่วยเพิ่มมากขึ้น แล้วรัฐบาลรับรักษาไม่ไหว
อย่างน้อยก็มีประกันตัวนี้ช่วยในการรักษาอยู่บ้าง หรือ บางคนมีประกันสุขภาพ
ประกันชีวิตอยู่แล้ว อาจมองว่าการทำประกันโคโรน่าเพิ่มเติมเป็นการทับซ้อนสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับ
ไม่มีความคุ้มค่า มันก็เป็นความคิดนานาจิตตังอ่ะเนอะ
4. หลาย ๆ คนถามว่า ทำประกันไปเขาจะจ่ายจริงไหม
เชื่อถือได้หรือเปล่า ถึงเวลาเบิกเงินจะยุ่งยาก ข้อแม้เยอะไหม
เราขอตอบตรงนี้เลยว่า ...”ไม่ทราบค่ะ”… 55555555+ เอาจริง ๆ นะ!!
โรคนี้มันก็เพิ่งเกิดมาได้ไม่นาน บริษัทประกันก็เพิ่งคิดริเริ่มโครงการ
บางคนที่มีกำลังทรัพย์ก็ซื้อไว้หลายกรมธรรม์
แต่ก็ยังไม่มีใครรีวิวว่าติดเชื้อไวรัสโคโรน่าจริง ขอรับเงินได้อย่างไรบ้าง
แต่ถ้าเลือกได้ก็คงไม่มีใครอยากติดเชื้อ ถ้าต้องเอาปอด เอาสุขภาพไปแลกกับเงิน
มันก็ไม่คุ้มเท่าไร ไม่อยากให้โฟกัสว่าเราจะได้รับเงินอย่างไร
แต่อยากให้โฟกัสว่าเราควรป้องกันตัวเองอย่างไรไม่ให้ติดเชื้อ ดีกว่านะจ๊ะ
5. เมื่อบางคนสงสัยว่าทำประกันแล้วจะเสียเงินทิ้งหรือเปล่า
ถ้าหมอวินิจฉัยออกมาว่าป่วยหรือตายด้วยโรคปอด ไม่ใช่สาเหตุจากการติดเชื้อไวรัสโคโรน่าล่ะจะทำยังไง
หากบริษัทประกันบิดพลิ้วไม่ชดเชย ไม่คุ้มครอง ต้องไปตามฟ้องร้องกันอีกนะ ... บลา ๆ
ๆ!! ... เอาเป็นว่า เรามองว่าเป็นความโชคร้ายของชีวิตไปล่ะกัน
ถ้าถามว่าทำไมเราถึงคิดแบบนี้ ก็อยากบอกว่า เราทำประกันตัวนี้ด้วยเงินไม่ถึงหลักพันบาท
เงินจำนวนนี้บางทีเราเอาไปกินข้าว ช๊อปปิ้ง ซื้อเครื่องสำอางค์ เปย์ผู้ชาย
หมดมากกว่านี้อีก (ซึ่งบางครั้งการเปย์ผู้ชายก็ยังไม่ได้ใจเขา ถ้าซื้อประกันแล้วไม่ได้ความคุ้มครองก็คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
.... มองบวก 555555555+) ... กลับสู่โหมดสาระสักนิด ถ้ามันเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นจริง
ๆ ก็ว่ากันไปตามสถานการณ์เนอะ อย่างที่รู้ทุกอย่างมีความเสี่ยง ติดเชื้อก็เสี่ยง
ทำประกันก็เสี่ยง หลาย ๆ เรื่องในชีวิตก็อยู่บนความเสี่ยง
เพียงแค่ว่าเรายอมรับความเสี่ยงกับสิ่งที่เราลงทุนไปได้มากน้อยแค่ไหนก็เท่านั้นเอง
สุดท้ายนี้อยากฝากไว้ว่า บทความนี้ เป็นแค่ความคิดส่วนตัวของผู้เขียน
มันอาจไม่ใช่ความคิดที่ดี ที่ถูกต้อง 100% มันอาจเป็นการมองชีวิต หรือ
วางแผนชีวิตมิติเดียว ซึ่งอาจจะยังไม่รอบคอบมาก แต่ก็หวังว่าบทความนี้อาจจะมีประโยชน์สักนิดสำหรับผู้ที่กำลังคิดจะวางแผนซื้อประกันสำหรับไวรัสโคโรน่า
(Covid-19)
หลักง่าย ๆ ในการซื้อประกัน คือ เอาตัวเราเป็นหลัก
ดูบริบทของชีวิตของเราเองว่าเหมาะกับประกันแบบไหน และที่สำคัญอย่าวิตกจนเกินเหตุ
เราทำหน้าที่ป้องกัน วางแผนชีวิต ให้ดีที่สุด หากจะมีสิ่งใดเกิดขึ้นกับชีวิตเรานั่นคือสิ่งที่ต้องรับมือและผ่านมันไปให้ได้
... เป็นกำลังใจให้นะคะ 💗